หากจะพูดถึง อดีตนักฟุตบอลชื่อดังชาวอิตาลี หลายคนคงจะจำ โรแบร์โต้ บาจโจ้ กองหน้าที่ยิงจุดโทษพลาดในฟุตบอลโลกปี 1994  ซึ่งเป็นช็อตคลาสสิกอันดับ 1 จนทุกวันนี้

บาจโจ้ ทำให้เทรนด์ของวัยรุ่นยุค90 หันมาทำ “ผมเปีย” ตามเขา  กลายเป็นไอค่อนในยุคนั้น

แต่เรื่องที่หลายคนรู้ก็คือ  บาจโจ้ คือกองหน้าที่ยิงจุดโทษพลาดในเกมที่พบกับทีมชาติบราซิล และภาพจำจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ความจริงข้ออื่นๆ ที่เกิดขึ้นในฟุตบอลโลกครั้งนั้นหายไป

ณ เวลานั้น บาจโจ้ ถือว่าเป็นนักเตะอัจฉริยะของ ยูเวนตุส  ได้สร้างปรากฎการณ์ให้กับวงการฟุตบอลอิตาลี  ด้วยการพาทัพอัซซูรี่ลงแข่งขันฟุตบอลโลก 1994  เพราะเมื่อได้ลงแข่งจริง บาจโจ้ กลายเป็นไฮไลต์ของฟุตบอลโลกในครั้งนั้นที่ทุกคนจ้องมอง

บาจโจ้ ยังคงเดินสายทัวร์นาเมนต์ในด้วยการเป็นความหวังของทีม แต่ผลงานกลับแย่ ในรอบแบ่งกลุ่มเนื่องจากยิงประตูไม่ได้ ส่งผลให้ทีมกระท่อนกระแท่น จึงทำให้เขา โดนวิจารณ์ขนาดหนัก  แต่ทว่าสุดท้ายทีมก็ได้เข้าถึงรอบน็อคเอาต์จนได้ บาจโจ้ ยังต้องรับภาระในการแบก อิตาลี อย่างชัดเจน จากผลงานแต่ละรอบที่แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทและยังจะช่วย เซฟชีวิต ให้กับอิตาลี เสมอ ตลอดการแข่งขันในรอบน็อคเอาต์ เขาทำไปได้ 5 ประตู และ ได้ แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ไปอีก 1 เกม  แม้สุดท้าย อิตาลี จะพลาดไปแพ้ให้กับ บราซิล แต่ความจริงแล้ว บาจโจ้ คือพระเอกตัวจริงอย่างไม่ต้องสงสัย

ในอดีตที่ผ่านมา โรแบร์โต้ บาจโจ้ เริ่มชีวิตเข้ามาสู่เส้นทางของวงการลูกหนังเป็นครั้งแรก เมื่อปี ค.ศ.1982 โดยได้ลงเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลวีเชนซา  ที่บ้านเกิดของเขาเอง ด้วยความสามารถที่โดดเด่น และมีสไตล์การเล่นเฉพาะตัว ทำให้เขาเป็นที่สนใจของหลายสโมสรที่ต้องการตัวไปเล่น และพร้อมที่จะเสนอเงินก้อนโตให้เขาด้วย  และเขาก็ได้มีโอกาสไปร่วมให้กับหลายๆสโมสร ซึ่งเป็นสโมสรฟุตบอลระดับแนวหน้าของวงการทั้งสิ้น

โรแบร์โต้ บาจโจ้ เกิดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 1967 ที่เมือง คัลด๊อกโน่ ประเทศอิตาลี โดยเขาได้ถูกยกย่องให้เป็นกองหน้าที่ดีที่สุด ในยุค 90 และเมื่อปี 2003 เขาก็ได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของยุโรป และของโลก

แม้ว่า โรแบร์โต้ บาจโจ้  จะมีรูปร่างค่อนข้างเล็ก โดยมีความสูงเพียงแค่ 174 เซนติเมตรเท่านั้น ซึ่งมันได้เป็นปัญหาหรืออุปสรรคในการการแข่งขันแต่อย่างใดเลย  เพราะความสามารถของเขา ในการโชว์สเต็ป วาดลวดลายออกมา ไม่ได้ยิ่งหย่อนหรือด้อยไปกว่านักฟุตบอลคนอื่นเลย แถมยังมาพร้อมทรงผม อันเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่น ประจำตัว นั้นคือ การไว้ผมเปียท้ายทอย ซึ่งสอดรับกับใบหน้าหล่อๆของเขา  ทำให้หลายๆคนเรียกเขาว่า  “เทพบุตรเปียทองคำ” ในเวลาต่อมา

ในปี 1994 ฟุตบอลโลก คือความคลาสสิกของใครอีกหลายคนที่ได้ดูด้วยตาตัวเอง หากได้ลองดูการแข่งขันของอิตาลี  เชื่อว่าทรงผลของ บาจโจ้ อยู่ในความทรงจำของใครหลายคนอย่างแน่นอน  เพราะมันแปลกกว่าใครๆ ในยุคนั้น บวกกับฝีเท้าที่เด่นที่สุดจึงทำให้ “ผมเปีย” ของเขากลายเป็นซิกเนเจอร์ และได้กลายเป็นทรงผมในตำนานในฟุตบอลโลก 1994 ไปโดยปริยาย

กลับมาดูเทรนที่เมืองไทยกันบ้าง เมื่อฟุตบอลโลกปี 1994 เป็นฟุตบอลโลกครั้งแรกๆ ที่วัยรุ่นในยุค 90’s ได้ดูการถ่ายทอดสด และมันเป็นจังหวะที่วงการแฟชั่นเริ่มเติบโตขึ้น อย่างไรก็ตาม อิตาลี เป็นอีกหนึ่งทีมที่แฟนบอลชาวไทยให้ความสนใจและเชียร์มากที่สุดเช่นกัน  ด้วยชื่อเสียงความเก่งกับดีกรีแชมป์ โลก3 สมัย และอีกส่วนหนึ่งน่าจะมาจากความเท่ของเหล่านักเตะ ที่หล่อและโดดเด่นโดนใจ โดยเฉพาะสาวๆ ที่หลงใหลเหล่าแข้งอัซซูรี่

ทรงผมเปียทองคำของ บาจโจ้ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวงการฟุตบอล รวมไปถึงแฟชั่นในการทำทรงผม ของเหล่านักเตะ เพื่อสร้างอัตลักษณ์ให้ตัวเอง นอกจากเล่นฟุตบอลเก่งแล้ว การมีสไตล์ของตัวเองก็จะสามารถต่อไปยอดไปสู่วงการอื่นๆ ตัวอย่างเช่น  เดวิด เบ็คแฮม เจ้าพ่อแฟชั่นทรงผมในอีกไม่กี่ปีต่อมา ที่ไม่ว่าเบ็คแฮมจะตัดผมทรงไหน และแปลกแค่ไหน สุดท้ายก็จะมีคนที่พร้อมตัดตาม ด้วยความภูมใจ  และนี่คือสิ่งที่เรียกว่า “อิทธิพลของคนดัง” และ ผมเปียของบาจโจ้เอง ก็ต้องถูกบรรจุอยู่ในคำนี้อย่างแน่นอน

แมตซ์สุดท้ายของเขาคือการลงเตะแมตซ์การกุศล ให้กับโครงการช่วยเหลือเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจากคลื่นยักษ์ สึนามิ Football for Hope ที่คัมป์ นู เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2005